อนันดา ตอบแจ่มชัด ปมใช้ค่าตัวนักแสดงโปรโมตหนังแค่มุก วอนอย่าดราม่า

เป็นกระแสร้อน ในแวดวงภาพยนตร์โดยทันที เมื่อภาพยนตร์ ทิดน้อย ที่มีคู่พระนาง อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม และ อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ มาร่วมแสดง มีการใช้คำโปรโมตเรื่องค่าตัวผู้แสดง โดยบอกว่า “ค่าตัวอั้ม สร้างหนังได้ 1 เรื่อง ค่าตัวอนันดา ซื้อคอนโดแถวทองหล่อได้ 1 หลัง พร้อมรถด้วย” จนเกิดกระแส วิจารณ์อย่างมาก ปัจจุบัน อนันดา ตอบถึงหัวข้อนี้แล้ว หลังมาร่วมงานแถลงข่าวภาพยนตร์ “ขุนพันธ์ 3” ณ โรงภาพยนตร์ SF World Cinema ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

ดราม่า ค่าตัวเล่นหนังเรื่อง “ทิดน้อย” ซื้อคอนโด ซื้อรถยนต์ได้จริง ?
“ไม่เห็นข่าวนะ หมายความว่าโมเดลคอนโด โมเดลรถยนต์ คือมันไม่ได้อะไรแบบนั้นหรอก ถ้าจำได้ เป็นเรื่องที่พี่เขาแซว ตั้งแต่เราบวงสรวง มันโจ๊ก ไอเดียเขาคือ พูดให้มันโอเวอร์แหละ มันไม่ใช่ความจริง ถ้ามันเป็นอย่างงั้นจริง ๆ ก็ดีสิครับ ผมเล่นหนังมา 30-40 เรื่อง คงมีคอนโดอยู่ทั่วจังหวัดกรุงเทพมหานคร แล้วล่ะ”

ภาพยนตร์ ทิดน้อย

เกิดการเปรียบเทียบกับคนเบื้องหลัง ที่เขาอาจจะมิได้ขนาดนี้ ?

“เราอาจต้องจับเข่าคุยกันอีกนาน เพราะว่าผมเป็นโปรดิวเซอร์อยู่แล้ว แล้วผมก็รู้เรื่องค่าตอบแทน ความไม่แฟร์ของงานในแวดวงนี้ มันมีหลายเลเวล หากสมมติเรามามองกันแบบพื้น ๆ ฉาบฉวย เป็นข่าวดราม่าเฉย ๆ มันไม่เกิดประโยชน์ เพราะจริง ๆ หากพวกเราจะมาแก้ไขปัญหาตรงนี้ มันเป็นนโยบายมากยิ่งกว่า

ต่างประเทศเขามีองค์กรที่ป้องกัน คนในวงการ แล้วบ้านเรามีที่ไหน จริง ๆ ถ้าจะคอมเพลน ก็ช่วยสนับสนุน ให้มันเกิดการเปลี่ยนแปลง แล้วมันไม่ใช่แค่แวดวงหนังอย่างเดียว มันหลายแวดวงเลย ทั้งอุตสาหกรรม ถ้าหากจะบอก ในมุมของดารา มันก็บอกปกคลุมทั้งแวดวงมิได้ อยู่แล้ว ดาราหนังที่ได้เยอะ ก็ไม่ใช่ทุกคน มันเฉพาะบางคน”

เรื่องโจ๊ก ที่พวกเราบอกกัน วันนั้น มาโปรโมตภาพยนตร์ มันดูไม่ดี ?
“ผมว่าในมุมของผม มันเซ้นซิทีฟเกินไป มันคือโจ๊ก ทุกวันนี้ ผมรู้สึกว่า บางทีเราไปจับคำพูด จากคอมเมนต์ ที่มันออกไปทางย้อนกลับมาแรง แล้วเราก็ไปจับตรงนั้นมาตีความว่า นี่คือเสียงของส่วนใหญ่ ซึ่งมันก็ไม่ใช่ ส่วนใหญ่ทุกคนแยกแยะได้ และมองเห็นได้อย่างชัดอยู่แล้ว ว่านี่มันคือโจ๊ก มันคนละอย่าง ยังไงมันก็ยังเป็นโจ๊ก แค่รู้สึกว่าไม่ควรไปซีเรียส กับตัวเองจนเกินไป ถ้าแค่นี้คือดราม่าก็อาจจะเกินไป มันมีอะไรอีกเยอะที่จะคอมเพลนกันได้”

คุณ อนันดา ซีเรียสจากการวิพากษ์ ?

“ไม่ซีเรียส เดี๋ยวอาทิตย์หน้าก็ลืม มันไม่ได้มีอิมแพ็กอะไรเท่าไร แต่ถ้าสมมติ อยากจะคุยกัน ในเรื่องของความแฟร์ ในวงการ อันนี้ เรามานั่งจับเข่าคุยกัน ดีกว่า ผมยินดีที่จะคุย ผมเคยบ่นมานานแสนนาน แล้วล่ะ ว่าทำไมเราไม่มีองค์กรอะไร มาเซฟนักแสดง มันมีสิทธิอีกเยอะ ที่ผมอยากได้เหมือนกันนะ อย่างถ้าผมทำงาน อยู่ในองค์กรต่างประเทศ ผมรีไทร์ไปได้ตั้งนานแล้ว เพราะหนังทุกเรื่อง ที่ผมได้แสดงมาเนี่ย ผมได้แบล็กเอ็นทุกครั้ง ที่เขาเอาไปฉายใหม่ สแตนดาร์ด ก็ไม่มีในประเทศไทย”

หากจะให้มันเท่าเทียม จะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง ในอุตสาหกรรม ?
“ถ้าคนจะมาเปิดประเด็นนี้ ผมยินดีมาก อยากพูดมาก มันเป็นส่วนที่เราแคร์ แต่ว่า ในส่วนที่เราคุยกัน ในงานก็แค่โจ๊ก อย่างที่บอก คุยกันแบบนี้ มันอาจไม่ได้อะไรอยู่แล้ว คือมันอาจจะเริ่มมาจาก วัฒนธรรมบ้านเรา

เช่น บางคนให้พื้นที่ดารา มาก่อน นักแสดง อย่างหลาย ๆ คนที่เข้ามาในวงการ เขาถูกปั้นมา เขาไม่ได้ถูกหยิบมาจากโรงเรียน พอเขาถูกปั้นจากทางค่าย เขาจะมีปากเสียงได้ยังไง เขาก็ต้องอยู่ในค่าย แล้วพออยู่จุดนั้นเขาก็กลายเป็นโปรดักต์ของค่าย ถ้าเป็นไปได้ มันจะเป็นเรื่องที่ดีมาก ถ้าเป็นเรื่องยูเนียน ทั้งคนในวงการ และ อุตสาหกรรม ทุกเลเวลเลย

ไม่ว่าจะเป็นช่างไฟ ช่างภาพ แต่ครั้งนี้ ก็ต้องได้ความร่วมมือ จากทุกฝ่าย ทั้งผู้ใหญ่ในวงการ และผม อยากให้ผมออกตัวตรงนี้ ผมยินดีอยู่แล้ว รวมทั้ง ภาครัฐก็ต้องเข้ามา เพราะเราต้องยอมรับ หลายอุตสาหกรรม ในบ้านเรา ก็ถ้าเราแคร์กันจริง ๆ อะไรที่อยู่ในใจ ก็อยากให้มันตาย ถ้ามันสามารถขยายต่อยอด เป็นการพูดคุยแบบจริงจัง ผมก็เป็นตัวแทนให้ได้อยู่แล้ว ยินดีครับ”.